มีความเชื่อว่าบริเวณนี้เป็นสถานที่ตั้งทัพของสมเด็จพระเนรศวรมหาราช ข้าพเจ้าเชื่อว่าอาจเป็นสถานที่สวรรคตของพระองค์ก็ได้
ถึงแม้พงศาวดารหลายฉบับกล่าวไว้ว่าน่าจะเป็นในพื้นที่ อ.เวียงแหง หรือในรัฐฉาน เนื่องจากมีการกล่าวถึงสถานที่สวรรคตว่าอยู่ชานเมืองเชียงใหม่และบริเวณหน้าวัดนี้เดิมเป็นทุ่งนากว้างติดกับเนินสูงของบริเวณวัดซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่าดอยสามเส้า ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะมาจากสมัยก่อนนิยมเอาก้อนหินสามก้อนมาใช้ก่อไฟหุงตุ้มแต่ถามแม่แล้วบอกว่าที่มาของชื่อสามเส้ามาจากเนินสามลูกกลางทุ่งนากว้าง
เนินแรกบริเวณวัด เนินที่2 คือบริเวณถ้ำที่เชื่อกันว่าเป็นที่ซ่อนสมบัติ
แม่เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนมีชาวบ้านทอดแหได้หีบเงินหีบทองเพราะหน้าถ้ำเป็นลำธาร เนินที่ 3
คือบริเวณด้านหน้าปัจจุบันคือป่าช้า) ติดกับวัดมองลงตีนเขาก็มีแหล่งน้ำสำหรับช้างม้าสะดวกสบาย
ซึ่งพื้นที่วัดนี้ก็มีลักษณะใกล้เคียงและน่าจะมีความเป็นไปได้เช่นกัน เนื่องจากหากอ้างอิงตามพงศาวดารคำให้การของขุนหลวงหาวัดกล่าวว่าพระองค์เสด็จขึ้นไปสักการะพุทธบาทฮังฮุ้ง(หมายถึงรังของนกรุ้งซึ่งสามารถหาอ่านได้จากตำนานพระบาทสี่รอย)
ปัจจุบันคือวัดพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อเสด็จกลับลงมาก็ประชวรและสวรรคต
บางตำนานก็กล่าวว่าระหว่างทางเสด็จกลับที่ประทับทอดพระเนตรเห็นเจ้าแม่ตะเคียนแต่ไม่แสดงความเคารพเพราะเป็นผู้หญิง
จึงถูกต่อหรือแตนต่อยบริเวณพระพักตร์ต่อมาก็ประชวรและสวรรคต บางตำนานก็กล่าวว่าเป็นประชวรและสวรรคตเพราะเป็นหัวระลอก
(ฝี) ขึ้นที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษพระอาการหนัก
บ้างก็ว่าเป็นไข้มาลาเรีย(ไข้ป่า)สวรรคต) ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อเท็จจริงหรอกแต่เท่าที่รู้คือระยะทางระหว่างวัดและพระบาทสี่รอยค่อนข้างไกล
แต่มีต้นตะเคียนต้นใหญ่อยู่ติดกับถนนบริเวณต.สะลวงนอก
เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านแถบนี้
เคยมีคนพยายามตัดเพื่อขยายถนนแต่ก็ตัดไม่ได้และมีอันเป็นไปเขาจึงปล่อยให้ต้นตะเคียนใหญ่มีอยู่จนถึงทุกวันนี้แต่ก็ไม่น่าจะอายุถึง
400 ปี ต้นไม้นี้อยู่บริเวณม่อนกาหลงใครๆก็รู้จัก สังเกตได้จากของเซ่นไหว้และชุดแม่นางตะเคียนที่คนนำมาถวาย
หลายคนบอกว่าทางนี้ไม่ใช่ทางหลักที่ใช้เดินทางไปรบแต่แม่เล่าฟังว่าสมัยก่อนแม่อายุ15-16 เคยเจอทหารญี่ปุ่นไล่จับตัวชาวบ้านอยู่
น่าจะเป็นเส้นทางที่ใช้เดินทางไปรบกับพม่าได้เช่นกันค่ะ
ตำนานของวัดชลประทานหัวฝาย
เดิมชื่อวัดดอนชัย ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง
ไม่มีใครทราบว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งมาก่อน
ต่อมาพระอาจารย์ทองคำบูรณะปฎิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ อยู่ได้สามสิบปีก็ไม่สามารถอยู่ได้เนื่องจากสมัยนั้นผีดุมาก
ขนาดใช้เครื่องปั้นดินเผาเขียนเป็นอักขระล้านนาขว้างลงมา ชาวบ้านจึงเห็นว่าพระจะอยู่ไม่ได้จึงมานอนเป็นเพื่อนพระแล้วก็พากันกล่าวท้าทายผี ผีก็เขียนอักขระขว้างลงมาอีก
จนชาวบ้านทนอยู่ไม่ได้จึงมีมติให้ย้ายวัดจากเนินเขาสูงลงมาตั้งบริเวณที่ต่ำขณะนี้ เนื่องจากมีลำคลองไหลผ่านบริเวณกลางวัดมีน้ำท่าสะดวกสบาย ต่อมาท่านเจ้าคุณอุดมวุฒิคุณซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอแม่ริมในสมัยนั้น
จึงมีมติร่วมกับคณะสงฆ์อำเภอแม่ริมให้ตั้งชื่อวัดใหม่ว่า วัดชลประทาน
แปลว่า วัดที่มีคลองลัดผ่านกลางวัด
ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ตำนานว่าพระนเรศวรมหาราช ได้ยกทัพไปตีพม่าแล้วให้จัดตั้งเป็นค่ายพักแรมทัพที่นี่เนื่องจากชัยภูมิดี
ส่วนดอยกู่ ใกล้ๆ กับดอยสามเส้าได้นำเอาสมบัติมาฝังแล้วก่อสถูปเจดีย์ครอบปิดปากหลุมเอาไว้อีกทีหนึ่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์
ต่อมาอาจถูกลักลอบขุดค้น ปัจจุบันยังคงเหลือเพียงหลุมดินและเศษซากอิฐเก่าที่เป็นแนวกันดินรอบปากหลุมไว้ให้เป็นหลักฐานได้เท่านั้น
ศาสนสถานและสิ่งต่างๆในวัด
1.วิหารอยู่บนเนินเขา ใช้โครงสร้างปูนแบบใหม่ไม่ใช่วิหารทรงล้านนาน่าจะสร้างประมาณ
30 ปีแล้ว ประดับตกแต่งด้วยลายปูนปั้น
มีภาพเขียนสีน้ำมัน ไม่ทราบชื่อสล่าผู้สร้างแต่ชื่อจิตรกรรมฝาผนังได้จารึกชื่อไว้
ภาพเขียนโดยประเสริฐศิลป์ บ้านทรายมูล ต.ขี้เหล็ก
อ.แม่แตง โทร 372064 ด้านหน้าเป็นรูปเทวดา
ด้านในเป็นพุทธประวัติและทศชาติชาดก
พระประธานเป็นรูปทรงยุคใหม่น่าจะสร้างพร้อมวิหาร
บานประตูเป็นไม้สักแกะสลักรูปเทวดา
บานหน้าต่างลายเถาดอกพุดตานฐาน 12 นักษัตริย์ ไม่ทราบชื่อสล่า
2.พลับพลาพระพี่นางเธอสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สร้างด้วยไม้สัก สล่าแก้วสร้างโครงสร้าง ออกแบบตกแต่งโดยสล่า อนุรักษณ์ รักษาหรือสล่าแม็ก ฉัตรพลับพลาก็เป็นฝีมือของสล่าแม็กเช่นกัน
ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจ
เช่น รูปปั้นพระพี่นางเธอสุพรรณกัลยา 2 แบบซึ่งมาจากช่าง 2
ที่
และโกฏอัฐิที่ได้รับมาจากมาดามมัสซู (คลิปภาพและคำอธิบายจากท่านเจ้าอาวาส คลิก)
2.1 รูปปั้นพระพี่นางเธอสุพรรณกัลยา สร้างจากภาพวาดจอมเจ้าฟ้าพระพี่นางเธอสุพรรณกัลยาซึ่งจิตรกรจากชลบุรีวาด
ตอนแรกวาดได้แต่ตัว ในส่วนของพระพักตร์ไม่สามารถวาดได้
จึงมาปรึกษาท่านแก้วจึงแนะนำให้จุดธูป 16 ดอกและสวดคาถาพระองค์ท่านจิตจึงเกิดนิมิตรวาดภาพนี้ขึ้นมาได้
ต่อมาได้นำภาพนี้ลงในกลุ่มแล้วโยมคนหนึ่งที่อิตาลีเห็นจึงค้นหาวัดนี้เนื่องจากเกิดนิมิตรเห็นภาพนี้
เมื่อติดต่อทางวัดได้ก็เลยมากราบและสามีหายจากอาการป่วยอย่างปาฏิหาริย์จึงขอเป็นเจ้าภาพปั้นรูปปั้นองค์นี้
หล่อจากภาพวาดต้นฉบับแต่เปลี่ยนเครื่องทรงเป็นอยุธยาตอนปลาย
ผู้ที่หล่อคือโรงหล่อพระเนรศนครปฐม
2.2 รูปปั้นพระพี่นางเธอสุพรรณกัลยา โยมจากดอยหล่อได้แบบมาหล่อแล้วจึงยกมาถวายวัด
เพื่อให้กิจการดีขึ้น
2.3 เกล็ดอัฐิของพระพี่นางเธอสุพรรณกัลยาจากวัดใจกะเลา
หงสาวดี มาดามมัสซูได้นำมาถวาย
3.พระสิวลี สร้างโดยพระช่างสิวลี
4.หอพระฤษีพรหมณ์เมศ สร้างโดยสล่าประเสริฐ
ผ่องเดช
5.หลวงปู่ทวด สล่าประเสริฐ ผ่องเดช
6.พระพุทธรูปปูนปั้นปางเปิดโลกสูง 5 เมตร
สล่าแม็ก
7.ต้นพระศรีมหาโพธิ์ นำเมล็ดมาปลูกจากพุทธคยา ปี 2557 หลวงพ่อพระครูวรดำรง วัดลัฏฐวัน ปลูกถวายเป็นพุทธบูชา
ตีนเขายังมีร่องรอยป่ารกและเถาวัลย์เส้นโตพาดพันอยู่บ้าง
บริเวณด้านล่างเนินเขายังปรากฏ ศาสนสถานเช่นอุโบสถ กุฏิ แต่ที่สวยงามน่าจะเป็นรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ 2 องค์ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นตั้งแต่เด็กน่าจะสร้างมานานมากกว่า 30 ปีแล้ว ไม่ทราบชื่อสล่า นอกจากนี้ก็มีกุฏิเก่าทำด้วยไม้คล้ายบ้านคน อุโบสถปูนประดับกระจกขนาดเล็ก รูปปั้นพระฤษี โรงเก็บของ ซึ่งหากจะไปต้องข้ามสะพานเล็กๆ
อุโบสถกำลังก่อสร้าง ซึ่งสร้างโดยทีมงานลานนาศิลป์
อุโบสถสร้างโดยสล่าแม็ก ล้านนาศิลป์
ปูนปั้นใช้เทคนิคปั้นสด ไม่ได้ร่างแบบ
ขอขอบคุณ:
พระครูชลธารรัตนารักษ์(ท่านแก้ว)
เจ้าอาวาส
ล้านนาศิลป์
โดย ช่างอนุรักษณ์ รักษา(สล่าแม็ก)
https://www.matichonweekly.com/column/article_338287
พระครูชลธารรัตนารักษ์(ท่านแก้ว)
เจ้าอาวาส
ประชาสัมพันธ์ว่าขณะนี้กำลังสร้างเจดีย์สามมหาราชชนะชัย
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถสมทบทุนสร้างเจดีย์สามมหาราช ชนะชัย
กสิกรไทย 115-3-56148-2
วัดชลประทานบ้านหัวฝาย ต.ห้วยทราย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
พระครูชลธารรัตนารักษ์(ท่านแก้ว) โทร 062-9536919
ล้านนาศิลป์ โดย ช่างอนุรักษณ์ รักษา(สล่าแม็ก)
อ่านเรื่องราวสล่าผู้ฟื้นฟูศิลปะงานปูนปั้นรูปแบบล้านนาโบราณให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ผู้อยู่เบื้องหลังศิลปะปูนปั้นวัดสำคัญในเชียงใหม่มากมาย
ประสบการณ์การทำงานด้านพุทธศิลป์20กว่าปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น